#ถ้าพูดถึงเรื่องการนอนหลับ หลายคนเคยตั้งคำถามกับตัวเองหรือไม่??😲✨🤔
การนอนของเรานั้นเป็นอย่างไร??
เราได้รับการพักผ่อนจากการนอนมากน้อยเพียงใด??
📌การนอนของเรามีประสิทธิภาพมากพอหรือไม่?? ที่จะทำให้ร่างกายของเราได้รับการฟื้นฟู (Restorative Sleep) ที่ดีพอ ทำให้ตื่นมาพร้อมกับอารมณ์ที่แจ่มใสพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรง
📌ก่อนที่เราจะมาดูว่าการนอนของเรามีคุณภาพที่ดีหรือเปล่า อันดับแรกเรามาดูวงจรการนอนหลับแบบปกติที่ทุกคนควรจะเป็น
✨การนอนหลับ 1 วงจร สามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะ
✨ระยะที่ 1 ระยะการนอนหลบที่ไม่มีตากระตุก (Non-Rapid Eye Movement; NREM) โดยระยะนี้ก็จะถูกแบ่งเป็น 3 Stage ด้วยกันตามคลื่นไฟฟ้าในสมอง
✨Stage ที่ 1(N1) เป็นระยะการนอนหลับที่เรียกว่า หลับตื้น (light sleep) สามารถปลุกได้ง่ายกว่าระยะอื่น ใช้เวลาประมาณ 5-20 นาทีหลังจากเริ่มหลับ
✨Stage ที่ 2(N2) เป็นระยะหลับส่วนใหญ่ของการนอน เป็นระยะที่ปลุกได้ยากขึ้นกว่า Stage ที่ 1 อุณหภูมิของร่างกายและอัตราการเต้นของหัวใจเริ่มต่ำลง ใช้เวลาประมาณ 20-60 นาทีหลังจากเริ่มหลับ
✨Stage ที่ 3(N3) เป็นระยะการหลับที่เรียกว่า (deep sleep) ระยะ N3 ถือว่ามีความสำคัญเพราะเชื่อว่าเป็นระยะที่มีการซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกาย รวมทั้งบันทึกความจำและการเรียนรู้สิ่งต่างๆ
✨ระยะที่ 2 ระยะการนอนหลับที่มีตากระตุก (Rapid Eye Movement; REM) เป็นวงจรการหลับที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆมีการคลายตัวหยุดทำงานยกเว้นหัวใจ กระบังลม กล้ามเนื้อตา
นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่ร่างกายเกิดการฝัน และการกรอกตาที่เร็วกว่าปกติ ระยะนี้จะเพิ่มช่วงเวลามากขึ้นเมื่อใกล้ ตื่นการนอนหลับ REM เป็นช่วงที่มีการฟื้นฟูความคิด ความจําและการรับรู้ หากการนอนหลับระยะนี้เสียไป ส่งให้ร่างกายเกิดความสับสนได้
📌ทุกช่วงระยะของการนอนนั้นมีความสำคัญที่ต่างกันออกไป แต่ในระยะ N3 และ REM นั้นจะมีความสำคัญต่อสุขภาพของเรามากที่สุด
🟢สร้างฮอร์โมนต่างๆที่เกี่ยวกับระบบต่างๆที่สำคัญ Growth hormone, Adrenocorticotropic hormone, Prolactin, Melatonin, Norepinephrine
🟢มีการสร้างและสะสมพลังงานเพื่อใช้ในตอนตื่น ทำให้ไม่อ่อนล้าอ่อนเพลีย
🟢ร่างกายจะสังเคราะห์โปรตีนเพิ่มมากขึ้นและเกิดการเผาผลาญกรดไขมันให้เป็นพลังงาน
🟢เซลล์กระดูกและเม็ดเลือดแดงมีการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นระหว่างการนอน
🟢เพิ่มกระบวนการเรียนรู้และความจํา การนอนหลับจะช่วยให้รื้อฟื้นความจํา ในช่วงการนอนของ REM ได้มีการศึกษาต่างๆมากมายที่เกี่ยวกับผลเสียจากการนอนไม่มีคุณภาพ ผลเสียต่อร่างกาย
🟢อาการเมื่อยล้า คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก ปวดศีรษะ วิงเวียนเหมือนบ้านหมุน (vertigo) ความทนต่อความเจ็บปวดลดลงกล้ามเนื้อคออ่อนแรง ความคิดและการรับรู้บกพร่อง (สุดประนอม สมันตเวคิน, 2546)
🟢เหนื่อยล้า เฉื่อยชาการพูดเสียไป ตัดสินใจได้ช้าและรู้สึกว่าตนเองมีการตอบสนองต่อการกระตุ้นจากสิ่งเร้าได้ง่าย (Honkus, 2003) ความทนต่อความเจ็บปวดลดลง (Dines-Kalinowski, 2002)
🟢การหายของแผลหลังผ่าตัดเป็นไปอย่างล่าช้า (Ersser et al., 1999)
🟢ร่างกายสูญเสียพลังงานจากการเผาผลาญชนิดแคทตาบอลิซึม (catabolism) มาก สัญญาณชีพเปลี่ยนแปลง ร่างกายใช้ออกซิเจนมากเกินกว่าที่จะผลิตได้ค่าความดันก๊าซในเลือดแดง (arterial blood gas) เปลี่ยนแปลง มีภาวะพร่องออกซิเจน
🟢การแปรปรวนการนอนหลับยังทําให้อุณหภูมิและภูมิต้านทานของร่างกายต่ำกว่าปกติโดยพบว่าการทํางานของเม็ดเลือดขาวและการหลั่งฮอร์โมนเพื่อช่วยในการเจริญเติบโตลดลง (Russo, 2002) ผลกระทบที่รุนแรงต่อร่างกายอาจทําให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น (Lee,2003) ผลเสียต่ออารมณ์และจิตใจ
🟢ผลกระทบด้านจิตใจและอารมณ์ทําให้มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ได้ง่ายอาจเซื่อง ซึมและหงุดหงิดโมโหง่าย (Thelan, Davie, & Urden, 1990)
🟢เกิดความสับสนและความสามารถใน การควบคุมตนเองจากสิ่งเร้าลดลง มีอาการหวาดระแวงและหูแว่วไม่สามารถยับยั้งพฤติกรรมความ ก้าวร้าวของตนเองได้ (Honkus, 2003)
🟢ผลกระทบต่อสติปัญญาและการรับรู้เมื่อนอนหลับไม่ เพียงพอทําให้การปฏิบัติกิจกรรมในช่วงกลางวันลดลง สมาธิไม่ดี (Closs, 1999) และแก้ไขปัญหา ได้ช้า (Lee, 2003) ผลเสียจากการนอนที่ไม่เพียงพอหรือไม่มีคุณภาพนั้น ส่งผลต่อระบบต่างๆของร่างกายเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เพียงแค่เกิดภาวะอ่อนล้าอ่อนเพลียของร่างกายเท่านั้น ยังส่งผลเสียต่ออารมณ์สุขภาพจิตต่อเนื่องกันไป
✅ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าการดูแลตัวเองจากข้างในนั้นมีความสำคัญมากถึง 70% หากปล่อยละเลยทิ้งไปก็จะสร้างปัญหาสุขมากตามมามากกว่าที่เราคิด |